–
จากการที่ช่วงนี้มีการคุยกันเยอะเกี่ยวกับการสอบ U-Net ผมเองมีความเห็นที่ไม่เห็นด้วย แต่จะไม่ระบุความไม่เห็นด้วยนั้นในที่นี้
ผมจะเล่ามุมมองของผมจากการทำงานมากว่า 28 ปี ว่า คนที่ประสพหน้าที่ในการทำงาน ได้เลื่อนตำแหน่ง เป็นผู้บริหารระดับสูง มีผลตอบแทนดี ได้รับความไว้วางใจจากผู้จ้าง นำความสำเร็จมาให้องค์กรหรือทีมงานนั้น (ในที่นี้จะขอใช้คำสั้นๆว่า ประสพความสำเร็จในอาชีพการงาน) ไม่สามารถเอาผลการเรียน หรือ เกรดมาบอกได้เลย
หากคนที่เรียนจบมาเกรดดีๆจะประสพความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
และหากคนที่เรียนจบมาเกรดไม่ดีๆจะไม่ประสพความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเช่นกัน
แต่ที่ผมกำลังจะเล่านั้นคือ มุมมองของผมว่า ทำไมคนที่จบมาเกรดไม่ได้ดีเลิศ แต่กลับประสพความสำเร็จในอาชีพการงานได้อย่างสูงและบางครั้งได้ดีกว่าเพื่อนที่จบมาด้วยกันด้วยเกรดดีๆด้วยซ้ำ
ผมมีความเห็นว่า “พวกเค้า” มักจะมีคุณค่าในตัวเองมากกว่า”คุณค่าที่โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาใช้ในการประเมินคุณภาพ“ของคนอย่างมากมาย เข้าเรื่องเลยครับ

การมาทำงานแต่เช้าทำให้ดูเป็นผู้มีความรับผิดชอบ คงเส้นคงวา
1. ถ้าตอนเรียนหนังสือคุณมาเช้าตรู่และกลับเย็น คุณจะไม่ได้เกรดอะไรดีขึ้นมาเลย แต่ ถ้าคุณมาทำงานเช้าและกลับช้าอย่างสม่ำเสมอ เจ้านายจะมองเห็นว่าคุณเป็นคนคงเส้นคงวา มีความรับผิดชอบ และไม่เอาเปรียบบริษัท คุณจะได้รับความไว้วางใจจากบริษัทระดับนึงเลยล่ะ

การช่วยสอนงานเพื่อนร่วมงาน จะทำให้คุณดูเป็นคนมีน้ำใจ และได้รับศรัทธาจากเพื่อนร่วมงานและบริษัท
2. ถ้าตอนเรียนหนังสือ คุณอาสาติววิชาต่างๆให้เพื่อนๆที่เรียนด้วยกัน คุณก็ไม่ได้เกรดอะไรดีขึ้นมาเลย แต่ ถ้าในที่ทำงาน คุณอาสาตัวเองช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน แนะนำแนวทางการทำงานที่ดี หรือช่วยสอนงานเพื่อนร่วมงาน คุณจะได้รับความสนับสนุนได้รับความรักจากเพื่อนร่วมงาน บริษัทจะเห็นว่าคุณเป็นผู้มีภาวะผู้นำ มีน้ำใจ และได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนๆร่วมงาน คุณจะมีอนาคตที่สดใส

การทำงานมากกว่างานที่ได้รับ การคิดหาทางเลือกที่มากกว่าให้บริษัท ทำให้คุณดูเป็นคนมีความคิดเป็นของตัวเอง และ ขยัน
3. ถ้าตอนเรียนหนังสือ ครูให้การบ้านมา 10 ข้อ หรือ มีข้อสอบ 10 ข้อ แต่คุณทำไป 11 ข้อ(ไปหาการบ้านมาส่งครูเองเลย) คุณก็ไม่ได้เกรดอะไรดีขึ้นมาเลย แต่ ถ้าในที่ทำงาน เจ้านายมอบหมายงานให้ไปคิด คุณคิดมามากกว่าที่ได้รับมอบหมาย มองหาทางเลือกที่มากกว่าที่นายสั่ง คุณจะได้รับความศรัทธาจากบริษัทว่า คุณเป็นคนหัวก้าวหน้า ไม่งอมืองอเท้า ไม่ขี้เกียจ และเป็นผู้มีความคิดเป็นของตัวเอง

การอาสาช่วยงานบริษัท เป็นการทำให้คุณดูเป็นผู้นำ
4. ถ้าตอนเรียนคุณทำงานเป็นกลุ่ม คุณอาสาเป็นหัวหน้ากลุ่มในการทำรายงาน คุณก็ได้คะแนนในการทำงานกลุ่มเท่ากันทั้งกลุ่ม แต่ ถ้าในที่ทำงานคุณอาสาเป็นหัวหน้าทีมช่วยงานบริษัทให้ลุล่วงไปได้ และมีผลงาน คุณจะได้รับความไว้วางใจจากบริษัท มากกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่ไม่ได้อาสาตัวมาช่วย คุณจะได้รับการมองว่าคุณมีภาวะผู้นำที่โดดเด่น

การถามคำถามในห้องประชุม ทำให้คุณดูว่าเป็นผู้มีความมั่นใจตนเอง กล้าคิดกล้าถาม กล้าแสดงออก
5. ถ้าตอนเรียนหนังสือคุณมีคำถามที่น่าสนใจในห้องเรียน คุณก็ถามครูกลางห้อง คุณอาจจะถามอะไรที่ไม่ฉลาด หรือ ฉลาด คุณจะไม่ได้คะแนนอะไรเลยในการถามนั้น แต่ถ้าในที่ทำงาน ถ้าคุณมีมุมมองหรือมีคำถามและกล้าแสดงความเห็นอย่างสร้างสรรค์ในที่ประชุมบริษัท คุณจะได้ความเชื่อมั่นในการเป็นผู้มีความคิด และ กล้าแสดงออก ไม่อายที่จะถาม คุณจะเป็นผู้ที่มีความโดดเด่นขึ้นมาทันที

การกล้าแสดงความเห็นแนะนำบริษัทเพื่อให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้น จะทำให้คุณเป็นคนมีภาวะผู้นำ
6. ถ้าตอนที่คุณเรียน คุณมีข้อเสนอให้ครูประจำชั้นปรับเปลี่ยนเวลาตารางการเรียน หรือ มีข้อเสนอแนะอะไรให้กับโรงเรียนเพื่อพัฒนาโรงเรียนให้ดีขึ้น คุณก็ไม่ได้เกรดอะไรจากการมีข้อเสนอนั้นเลย แต่ ถ้าในที่ทำงาน คุณมีข้อเสนอแนะให้กับฝ่ายบริหารอยู่เสมอๆ แม้ข้อเสนอนั้นจะได้รับการตอบสนองหรือไม่ก็ตาม คุณจะเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทว่า เป็นผู้ที่มีความคิดก้าวหน้า
7. ถ้าตอนที่คุณเรียนคุณมาทำการบ้านที่โรงเรียนในวันเสาร์-อาทิตย์ คุณจะไม่ได้คะแนนอะไรเลย แต่ ถ้าในที่ทำงานคุณมาทำงานที่คั่งค้างให้เสร็จในวันหยุด บริษัทจะมองว่าคุณเป็นคนมีความรับผิดชอบที่ดี

ในที่ทำงาน ความสามารถชั้นสูงทางคณิตศาสตร์หรือความจำที่เป็นเลิศ ได้รับการชดเชยจากการเปิดสมุดโน็ต ตำรา และ เครื่องคิดเลข ไม่ต้อง Genius ก็ทำงานดีๆได้
8. ถ้าตอนที่คุณเรียนหนังสือ คุณมีความจำที่ดีเลิศจำได้หมดทุกอย่าง หรือคณิตศาสตร์สามารถคิดได้เร็วมาก คุณจะได้เกรดที่ดี แต่ ในที่ทำงาน คุณสามารถเปิดสมุดโน็ต เปิดตำรา ใช้เครื่องคิดเลขหรือคอมพิวเตอร์ได้ตลอดเวลา ความจำที่เป็นเลิศกับความสามารถในการคิดเลขไวของคุณ แทบไม่มีค่าอะไรในที่ทำงานเลย

ในที่ทำงาน ไม่ใช่ห้องสอบ คุณสามารถขอเวลาทำงานเพิ่มเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเสมอ
9. ถ้าตอนที่คุณเรียน เวลาที่คุณสอบหรือได้รับการบ้านมา คุณต้องส่งให้ตรงเวลาหรือวางปากกาเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ต่อเวลาเพื่อทำให้เสร็จไม่ได้ แต่ ในที่ทำงานคุณสามารถขอเวลาเพิ่มจากบริษัทเพื่อทำงานให้ได้ผลที่ดีเป็นประโยชน์ต่อบริษัทได้เสมอ การทำงานเสร็จและมีผลงานที่ดีมีความหมายมากในบางกรณีสำคัญกว่าแค่ตรง Deadline
อันที่จริงแล้ว ยังมีอีกหลากหลายปัจจัยมากครับ แต่ขอเขียนเพื่อเล่าเป็นประเด็นให้ได้คิดต่อยอดกันต่อไปครับ
เด็กนักเรียนคนนึงอาจจะจบการศึกษาด้วยคะแนนระดับปานกลาง ไม่ได้ดีเลิศไม่ได้คะแนนระดับท็อปของห้องหรือโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา แต่ เค้าอาจมีคุณค่าที่สำคัญกว่า “คะแนน” หรือ “เกรด” ที่เค้าได้รับ เค้าอาจมีคุณสมบัติที่ดีอื่นๆอีกมากที่สามารถนำพาเค้า ประสพความสำเร็จในอาชีพการงาน
เกรดหรือคะแนนเรียน ไม่สามารถบรรยายความมีคุณภาพของนักเรียนคนนั้น ในวันที่เค้าออกมาทำงานจริงๆ
หวังว่า บล็อกนี้ คงให้มุมมองอะไรบ้างกับท่านนะครับ